อาชีพค้าเหล็ก กลายเป็นจิตวิญญาณของคุณสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล ผู้ก่อตั้ง บริษัทมิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) จากการตัดสินใจ กอบกู้กิจการของคุณพ่อ ที่ต้องถูกขายทอดเข้าตลาด จากวิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540 ซึ่งกว่าจะฟื้นฟูกิจการให้กลับมารุ่งเรืองเหมือนเดิมนอกจากที่คุณสิทธิชัยต้องเดินหน้าเจรจารับทรัพย์สินของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ยังต้องรวบรวมเงินกู้จากคนรู้จักและจากธนาคารไทยพาณิชย์และเปิดบริษัทใหม่ชื่อมิลล์คอน สตีล จำกัด เพื่อให้สถานะของครอบครัวนั้นกลับมาดีเหมือนเดิม
ทำความรู้จักกับมิลล์คอน สตีล
มิลล์คอนสตีลก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2541 ด้วยทุนจดทะเบียนเพียงแค่ 50 ล้านบาทในเริ่มต้นประกอบธุรกิจในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็ก โดยในระยะแรกเป็นศูนย์การบริการเหล็ก คือนำแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนขนาดใหญ่มาตัดเป็นแผ่นตามขนาดที่ลูกค้าต้องการ รวมถึงการทำเหล็กรูปพรรณต่างๆ โดยเหล็กที่ออกมานั้นจะใช้ในอุตสาหกรรมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ อุตสาหกรรมยานยนต์ หรืออุตสาหกรรมก่อสร้างเป็นต้น
แต่ในปี 2547 มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นทำให้มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่เข้าใหม่ก็คือนายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล จากนั้นคุณสิทธิชัยก็ได้นำบริษัทเข้าสู่การเติบโตด้วยการขยายธุรกิจเหล็กเพิ่มเติม
กว่าจะมาเป็น มิลล์คอน สตีล ภายใต้การก่อตั้งของคุณสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล
คุณสิทธิชัยเป็นพี่ชายคนโตมีน้องสาวอีก 3 คน จบปริญญาโทด้านวิศกรรมศาสตร์ Warwick University โดยในปี 2541 ก็พบว่ากิจการของที่บ้านนั้นไปหนี้มหาศาล เขาจึงสร้างธุรกิจใหม่ด้วยการเทรดดิ้งสินค้าเหล็ก และซื้อกิจการคืนจากบสท. โดยในช่วงนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย ด้วยความเป็นผู้บริหารอายุเพียง 20 กว่าและธุรกิจเหล็กในช่วงนั้นอยู่ในภาวะซบเซา แต่ด้วยความมุ่งมั่นทำให้เขากลับมาพัฒนาบริษัทอีกครั้งหนึ่ง
โดยคุณสิทธิชัยเล่าว่าการเริ่มต้นบริหารธุรกิจนั้น เริ่มมาตั้งแต่เขายังเป็นเด็กซึ่งมีการคลุกคลีในแวดวงอุตสาหกรรมเหล็กอยู่แล้ว เพราะทั้งญาติพี่น้องและคุณพ่อก็ทำเหล็กกันหมด ซึ่งตัวคุณสิทธิชัยเรียนจบมาด้านบริหารโรงงานโดยเฉพาะ เลยทำให้เข้าใจการทำธุรกิจเหล็กว่าต้องทำออกมาในรูปแบบไหน และเพราะโดนปลูกฝังตั้งแต่เล็กจนโต ทำให้เขาอยากทำธุรกิจด้านนี้อยู่แล้ว ในเรื่องแรกก็จากงานตรงนี้เลยจนกลายเป็นทำให้ตัวเองกดดัน แต่ก็ไม่ได้เครียดมากเพราะได้ทำในสิ่งที่ชอบ จึงไม่ได้รู้สึกท้อแต่อย่างใด ซึ่งเขาเล่าว่าในช่วงสมัยเรียนก็เลือกเรียนในสิ่งที่สอดคล้องกับอุตสาหกรรมเหล็กมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบริหาร เรื่องกฎหมาย เขาก็พร้อมที่จะศึกษาอย่างเต็มที่หากส่งผลดีต่อกิจการการค้าเหล็ก
แต่เมื่อเริ่มเดินหน้าผลิตเหล็กภายใต้กิจการที่กอบกู้ขึ้นมาใหม่ในปี 2549 ทำให้เขาเห็นว่ากิจการของเขานั้นเกิดการขาดทุนมากมาจาก 3 สาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวัตถุดิบที่มีปัญหาในการขนส่งล่าช้า เรื่องต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการทดลองผลิตสินค้า และอยู่ในช่วงราคาเหล็กที่ลดลงในช่วงซบเซาและเป็นช่วงที่บริษัทวางจำหน่ายเหล็กพอดี ทำให้เขาต้องดิ้นรนกู้เงินจาก supplier เพื่อเป็นเงินหมุนเวียนในการผลิต จนแม่ว่าจะเริ่มหมุนเวียนจนพอทำกำไรได้ แต่เบื้องหลังนั้นกลับมีหนี้อยู่ประมาณ 500 ล้านบาท การระดมทุนจึงเป็นทางออก โดยการเข้าตลาดหลักทรัพย์แปรสภาพเป็นมหาชนและเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนครั้งแรกเมื่อปี 2550 ส่งผลให้เงินทุนที่ได้มาจากการจัดการนั้นสามารถกำจัดภาระหนี้จนหมด
จากนั้นเมื่อกลายเป็นมหาชนแล้ว บริษัทมิลล์คอน สตีล ร่วมสร้างความแข็งแกร่งด้วยการผลิตเหล็กได้อย่างเต็มกำลัง จนรายได้เติบโตขึ้นกว่า 3,000 บาท เมื่อถึงตรงนี้แล้วคุณสิทธิชัยก็เริ่มมองหาโอกาสใหม่ ด้วยการเข้าซื้อกิจการเพิ่ม มีการลงทุนซื้อบริษัท บูรพาอุตสาหกรรม จำกัด เพื่อขยายฐานตลาดและหาพื้นที่ในการสร้างเตาหลอมเพิ่ม ซึ่งการขยายครั้งนี้จะทำให้เขาสามารถผลิตสินค้าได้ตั้งแต่ต้นถึงปลายน้ำเลยทีเดียว
จากนั้นเพื่อปูทางธุรกิจไปยังเหล็กเกรดพิเศษในอุตสาหกรรมรถยนต์ เขาจึงเข้าซื้อกิจการ TSSI ผ่านกรมบังคับคดีเมื่อปี 2558 เพื่อผลิตและจำหน่ายเหล็กลวดโดยเฉพาะอย่างเป็นทางการ
แผนในการขยายกิจการเพิ่มเติมของคุณสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล
มิลล์คอน สตีล ภายใต้การก่อตั้งของคุณสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล ได้วางแผน 5 ปี ระหว่างปี 2559 ถึงปี 2563 โดยต้องการตีขอบเขตการทำธุรกิจให้มากกว่าการค้าเหล็กมีการครอบคลุมใน 3 ด้านหลัก คือเหล็กเกรดพิเศษ วัสดุก่อสร้าง และธุรกิจอื่นๆ ๆเพื่อต่อยอดธุรกิจหลักของบริษัท ตัวอย่างเช่นบริษัท บิลค์ วัน กรุ๊ป ผู้เป็นเจ้าของเว็บไซต์ builk.com โปรแกรมเว็บแอพพลิเคชั่นสำหรับบริหารธุรกิจก่อสร้าง รวมไปถึงการลงทุนในเทคโนโลยีด้านโลจิสติกส์ เทคโนโลยีด้านการก่อสร้าง เป็นต้น
คุณสิทธิชัยเล่าว่า เป้าหมายแผน 5 ปีไม่ได้มองรายได้เป็นจุดหลัก แต่ตัวเขาต้องการเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อต้องการคงกำไรที่นิ่ง เพราะในปัจจุบันนั้นด้วยเศรษฐกิจและสิ่งรอบข้างทำให้กำไรในการค้าเหล็กนั้นแกว่งไปมาก โดยแนวทางธุรกิจใหม่ในเรื่องวัสดุก่อสร้าง จากเดิมที่เคยเป็นเด็กโครงสร้างธรรมดา เพื่อการก่อสร้างโดยเฉพาะ เช่นหล็กพับ เป็นต้น จะทำให้สุดท้ายแล้วบริษัทขายผลิตภัณฑ์ในมูลค่าที่สูงขึ้นกว่าเดิม
ทางด้านบิลค์ ซึ่งเป็นโปรแกรมเว็บแอพพลิเคชั่นสำหรับบริหารธุรกิจก่อสร้าง ก็เป็นหนึ่งในกิจการที่มิลล์คอน สตีล เข้าไปลงทุน ซึ่ง Map ปัจจุบันมีฐานข้อมูลธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่บริหารอยู่บนระบบของ BUILK.com กว่า 18,000 บริษัท โดยครอบคลุมทางผู้รับเหมาก่อสร้าง ปัจจุบันมีมูลค่าการซื้อขายผ่าน builk.com กว่าหมื่นล้านบาทต่อปี
ในเรื่องการผลิต มิลล์คอน สตีล มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 6 แสน 3 หมื่นตันต่อปี จากทางโรงงานที่ระยองและกรุงเทพ โดยโครงสร้างรายได้ของบริษัทมาจากกลุ่มวัสดุก่อสร้างอยู่ 90% เหล็กเกรดพิเศษอยู่ 5 ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ โดยคาดว่าในปี 2563 จะมีสัดส่วนที่เปลี่ยนไปตามลำดับ โดยเป้าหมายรายได้นั้นคาดว่าจะอยู่ที่ราว 20,000 ล้านบาท
และเมื่อธุรกิจที่ไทยเป็นไปอย่างราบรื่นคุณสิทธิชัยจึงเล็งลงทุนนอกบ้านในปี 2557 โดยลงทุนกับคู่ค้าอย่าง Thiha Group จากประเทศพม่า มองหาลู่ทางขยายไปยังประเทศอื่นๆไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม อินโดนีเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย ในสวนอีก 10 ปีข้างหน้านั้นคุณสิทธิชัยหวังว่า มิลล์คอน สตีล จะเป็นองค์กรที่มีศักยภาพในเรื่องการมีนวัตกรรมในการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อการปรับตัวให้ดำรงอยู่ได้อย่างแข็งแรง
การบริหารงานในฉบับของคุณสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล
พูดได้ว่าเกิดการปรับตัวกันอย่างพอสมควรเนื่องจากเข้ามาปรับโครงสร้างทุกอย่างใหม่ไม่ว่าจะเป็นการทำงานภายในองค์กรตลอดจนการขยายกิจการ โดยคุณสิทธิชัยใช้วิธีการวางนโยบายร่วมกันให้ทุกคนในบริษัท ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร หรือพนักงานทุกคน ต่างก็มีส่วนร่วมในการรวมความคิด และนำทั้งหมดมารวมกันให้ดีที่สุด จากนั้นก็เริ่มเกิดแนวทางการปฏิบัติ ซึ่งคุณสิทธิชัยเล่าว่าอยู่ในระดับความสำเร็จที่น่าพอใจ โดยเขามองว่า บริษัทนั้นยังต้องพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ไม่สามารถหยุดอยู่กับที่ เพราะธุรกิจกับการพัฒนาต้องเดินไปพร้อมกัน
โดยหลักการการบริหารงานคือการตั้งใจในการทำงานให้เต็มร้อยในงานทุกๆชิ้น ซึ่งทุกงานนั้นต้องมีปัญหาด้วยกันทั้งนั้นเราจะต้องสู้มองโลกในแง่บวก ทำจิตใจให้ดีให้กำลังใจตัวเอง คุณสิทธิชัยเล่าว่าหากสามารถปฏิบัติได้แบบนี้ไม่ว่าปัญหาจะเป็นยังไงก็พร้อมที่จะแก้ปัญหาได้อย่างแน่นอน ในการบริหารคนอ้วนศรีวิชัยมองว่าอย่าให้องค์กร เป็นองค์กรที่ทุกคนมีส่วนร่วมโดยหากทุกคนรักในองค์กรบริษัทก็จะดีตามไปด้วย
การดำเนินชีวิตของคุณสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล
คุณสิทธิชัยเล่าว่าเขาไม่มีคติพจน์ในการดำเนินชีวิต แต่เนื่องจากเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือ และหนังสือเรานั้นมักจะแทรกข้อคิดดีๆเอาไว้ เขาจะนำคำสอนพวกนั้นมาใช้กับชีวิตจริง เวลาเจอปัญหาในรูปแบบต่างๆก็จะนำติจากหนังสือหลายๆเล่มที่อ่านมาใช้ ซึ่งคติพจน์นึงที่เขายังนึกถึงอยู่เสมอก็คือการสู้ไม่ท้อถอยและการมองโลกในแง่บวกอยู่เสมอ
อนาคตของมิลล์คอนสตีล สำหรับคุณสิทธิชัย
คุณสิทธิชัยมองว่าหัวใจของเขาก็คือเหล็ก เขาอยากให้มีคนอยู่ในวงการอุตสาหกรรมเหล็กที่มั่นคง มีโอกาสเติบโตให้มากขึ้น ซึ่งเขาคิดว่าตอนนี้เขายังไม่ประสบความสำเร็จ แม้ว่าหลายควรจะบอกว่าเขาประสบความสำเร็จแล้วก็ตาม แต่เขายังรู้สึกว่าเขาเพิ่งนับหนึ่ง และหนทางยังมีอีกยาวไกล เขาอยากที่จะมุ่งมั่นทำตรงนี้ให้ดีที่สุด
ที่มา
http://www.forbesthailand.com/people-detail.php?did=2070
http://www.efinancethai.com/lifestyle/lifestylefile/l_frontpage_mill.asp?name=l_frontpage_mill